อยากรวยทำไงดี

อยากรวยทำไงดี 

อยากรวยทำไงดี อยากรวยเราควรมีเป้าหมายที่จะมีเงินจำนวนมาก คนที่ร่ำรวยทุกคนเป็นเพราะเขาเลือกทีจะร่ำรวย เลือกที่จะรวย เพราะเขาเชื่อว่าความรวยสามารถบันดาลให้ชีวิตมีความสุขได้ ถ้าอยากรวยทำไงดี อยากรวยต้องบอกตัวเองว่าเราต้องการที่จะเป็นคนรวย บอกตัวเองทุกวันว่าเราเป็นคนร่ำรวย บอกตัวเองให้เข้าไปยังจิตใต้สำนึก ทำให้ทุกอนูในร่างกายของเราทราบว่า เราตัดสินใจที่จะร่ำรวย มองหาสิ่งที่ตัวเองรัก มองหาสิ่งที่ตัวเองชอบ มองหาสิ่งที่ตัวเองมีความสุขที่ได้ทำ และสิ่งนั้นเราสามารถทำเงินได้ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะเป็นสินค้า บริการ ความรู้ความสามารถของเรา จากนั้นตั้งใจทุ่มใจทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในตัวเพื่อสร้างรายได้จากสิ่งนั้น ทำงานให้หนัก ทำงานทุกวัน พัฒนาตัวเองให้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในสิ่งที่เราตัดสินใจที่ทำงานจากมัน ลงมือทำทันที ความรวยไม่ได้เกิดจากการนั่งคิดเพียงอย่างเดียว ความรวยเกิดจาการลงมือทำ รู้จักการออมและการลงทุน การลงทุนเป็นหัวสำคัญของความร่ำรวย พัฒนาตัวเองให้เป็นเลิศในทุกๆวัน เพราะเงินจะอยู่กับคนที่มีความพร้อมเท่านั้น รู้จักลอกเลียนแบบ ปรับแต่ง และต่อยอดมาเป็นของเรา ฝึกเป็นคนมีจินตนาการในเรื่องเงินและมีอารมณ์เสมือนเป็นความจริง เงินจะไม่ลอยมาจากอากาศแต่เงินจะมาจากการลงมือทำของเราเอง

เงินขาดมือ

วิธีแก้เงินขาดมือ 

เป็นปัญหาที่ทำให้คนเป็นทุกข์และกลุ้มใจเป็นอย่างมากบางครั้งชีวิตคนเราอาจตกหลุมอากาศบ้าง มีปัญหาเงินขาดมือ เพราะมีเรื่องต้องใช้จ่ายไม่คาดฝัน อย่างอุบัติเหตุ คนในครอบครัวเจ็บป่วย ญาติพี่น้องต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงิน หรือไปลงทุนแล้วขาดทุนบ้าง ฯลฯ ที่เคยมีจ่ายค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าบัตรเครดิตอีกหลายใบ ไม่สามารถจ่ายได้ตรงเวลา เมื่อเจ้าหนี้หลายรายทวงหนี้มากๆ กินไม่ได้นอนไม่หลับ มองไปทางไหนก็พบแต่ทางตัน แต่ทำอย่างไรกันดีล่ะ ในยามที่เป็นทุกข์เช่นนี้ เมื่อเงินขาดมือ เคยอ่านเจอจากอาจารย์ต้นคนวัด โพสไว้ในฟอรัม www.banduangdham.com ท่านกล่าวไว้ว่า 
1. ปัญหาเรื่องเงินขาดมือบ่อยๆ สาเหตุที่น่าคิด อาจเป็นไปได้ว่าในกาลก่อนทำทานมาไม่ครบไม่สมบรูณ์ หมายถึงเวลาทำทานอาจรู้สึกเสียดาย เช่น ในตอนแรกก่อนทำ คิดว่าจะทำให้มากพอควร แต่พอจะถึงตอนที่จะทำทานกับมีความเสียดาย เช่น ตอนแรกตั้งใจจะถวายอาหารคาว หวานให้ครบ แด่พระสงฆ์ คือตั้งใจว่า จะทำอาหารคาว 5 อย่าง จะทำอาหารหวาน 5 อย่าง แต่พอถึงเวลาทำจริง กับมานึกเสียดายเงินที่จะซื้อของมาทำ เลย ลดอาหารลง จากในตอนแรกตั้งใจจะถวายอาหารคาว 5 อย่าง ก็ลดลงมาเหลือแค่2 อย่าง อาหารหวานที่เคยตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก ก็ลดลงมาเหลือแค่ 2 อย่าง เหตุเพราะเกิดความเสียดายเงินทอง เมื่อลดความตั้งใจลง ทานเลยไม่สมบรูณ์ บางคนก้ไปลดคุณภาพของที่จะทำทานลงไป เช่น ในตอนแรกตั้งใจจะซื้อยาสีฟันคุณภาพดีๆ ไปถวายพระ แต่พอจะไปถวายจริงๆ กับเสียดายเงิน เลยหันไปซื้อ ยาสีฟัน ราคาถูกๆ คุณภาพไม่ค่อยดีไปถวายพระแทน เหตุเพราะความเสียดายเงิน 
2. ทำทานเท่ากับที่ได้ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก คือ ตั้งใจจะถวายเงิน 100 ก็ถวายจริงๆ ฯลฯ ผลที่ได้รับ จากอานิสงฆ์ทำทาน คือ ทำให้เงินทองไม่ขาดมือ มีแต่ใช้ แต่ไม่มีเงินเก็บ และยังไม่สามารถช่วยเหลือใครๆได้มาก หรือช่วยก้ได้ไม่มากเท่าไหร่  />

3. ทำทานมากกว่าที่ได้ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก คือในตอนแรกตั้งใจจะทำทานแค่100ได้พอถึงเวลาทำจริง ทำ1000บาท คือทำมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก ผลที่ได้รับ คือ เงินไม่เคยขาดมือเลย มีโชคลาภเข้ามามากมาย บางทีก็มีเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้อย่างสบายๆ เป็นบุญที่งอกเงยตลอด
เรื่องเงินขาดมือนั้น อีกสาเหตุนึงก็มาจาก เหตุดังนี้
วัตถุทานที่เอามาทำนั้นได้มาแบบไม่บริสุทธิ์ เช่น ไปลักเขามา ได้มาจากเงินพนันฯลฯ หรือ ได้มาจากการทำลายชีวิต เช่น ลงทุนฆ่าไก่ในบ้านเพื่อเอาทำอาหารไปถวายพระ หรือ บางทีไปวัดนะไม่มีดอกไม้ ก็ลงทุนไปเด็ดในวัดนั้นแหละ ไปถวายพระ หรือไม่ก็แอบไปเด็ดตามรั้วบ้านคนอื่นไปถวายพระฯลฯ (เหตุดังกล่าวนี้จะทำให้เงินขาดมือบ่อยๆ ได้อะไรก็ครึ่งๆกลางๆไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่เราต้องการ) 
ทำไมเงินขาดมือ แล้วใครถึงไม่ค่อยช่วยเหลือ 
ตามกิเลสของคนเรามักหวงแหนเงินทอง เลยไม่ค่อยมีใครใจกว้างช่วยเหลือ เพราะมีกิเลสโลภอยู่มาก ไม่มีใจเอื้อเฟื้อ คนที่เราไปขอความช่วยเหลือนั้นเรากับเขาไม่มีบุญที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อน 
-เวลาทำทานอย่าไปเสียดาย เพราะความเสียดายนี่แหละทำให้ทานที่ทำไม่สมบรูณ์ ควรทำมากกว่าที่เราตั้งใจไว้นิดนึง เอาให้พอดี อย่าทำเกินตัว จะลำบากกับตัวเราในภายหลัง
- ที่มีใจชนิดแบบเด็ดขาด ให้ทำแบบอดตายก็ยอม ยิ่งสิ่งที่จะทำนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตมากเท่าไหร่เราก็สามารถให้ได้ โดยไม่เสียดาย เช่น มีข้าวเหลือในหม้อนิดเดียว ที่เหลือประทังชีวิต แต่พอเห็นพระสงฆ์ผ่านมากับเอาข้าวที่มีเหลือนิดเดียวนั่นไปถวายพระ โดยที่ไม่เสียดาย แม้จะอดตายก็สามารถทำได้ (ในข้อนี้จัดว่าเป็นมหาทานแบบยิ่งใหญ่ ยอมสละได้แม้กระทั่งสิ่งนั้นมีคุณค่ากับตัวเอง) ดังสมัยพุทธกาล ที่มีคนที่ยากจนมากๆ ถวายผ้าผืนเดียวที่มี หรือถวายข้าวก้อนสุดท้ายที่เหลือพอประทังชีวิตแด่พระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจก หรือพระสาวก ด้วยอานิสงฆ์แห่งบุญที่ทำนั้น ทำให้คนยากจนเหล่านั้น กลายเป้นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา แบบนี้ก็มี 
- ให้พยายามสร้างทานใหญ่ ด้วยวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน บ่อยๆ
-การทำทานที่ส่งผลมากคือ ทำทานที่เป็นประโยชนืกับคนหมู่มาก เช่น สร้างถนน โรงพยาบาล สร้างพระองค์ใหญ่ๆ สร้างสะพาน สร้างเจดีย์ สร้างโรงทาน ฯลฯ ยิ่งสิ่งที่ทำนั้นเกิดประโยชน์เท่าไหร่ โชคลาภจะไหลเข้ามาไม่ขาดสาย การเงินคล่องตัว สภาวะความเป็นอยู่ไม่ขัดสน

วิธีการบริหารจัดการหนี้สิน

การบริหารจัดการหนี้สิน

ในยุคที่รายได้น้อยแต่มีรายจ่ายเยอะแยะที่หนี้กลายเป็นอวัยวะ ติดตัวหลายคน หนึ่งในภารกิจของหลายคนที่จำเป็นต้องทำคือ แผนการบริหารหนี้ เพื่อปลดเปลื้องภาระหนี้สินให้พ้นตัว แต่ใช่ว่าการสะสางหนี้จะทำกันได้ง่ายๆ นอกจากมีก้อนใหญ่แล้ว แต่ยังมีหนี้บัตรเครดิต หนี้จากกู้เงินด่วน และหนี้นอกระบบผสมผสานปนเปกันให้วุ่นไปหมด นั่นเป็นเหตุที่คุณควรจะทำแผนการบริหารหนี้อย่างชัดเจน เพราะทั้งแผนการออม และแผนการลงทุนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเรายังไม่กำจัดหนี้ให้พ้นตัวเหล่านั้นไปให้ได้ แผนการบริหารหนี้เราจะทำอย่างไรดี อันดับแรกเริ่มจากเราต้องรู้เท่าทันหนี้ก่อน ว่าปัจจุบันเรามีหนี้ทุกประเภทรวมทั้งหมดเท่าไหร่ เมื่อเราตั้งใจจะสะสางหนี้ก้อนเดิม ก็ต้องหยุดสร้างหนี้ก้อนใหม่หรืออย่าสร้างหนี้เพิ่ม มาซ้ำเติมตัวเองอีก สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องรู้จักใช้จ่ายให้เป็น ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เปลี่ยนนิสัยใช้จ่ายจากเดิมที่ชอบใช้จ่ายเกินตัวก็ระมัดระวังการใช้จ่ายให้มากขึ้น หลังจากนั้นก็มุ่งมั่นกำจัดหนี้เก่า ตั้งสติให้มั่น หาวิธีปลดหนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป จัดลำดับความสำคัญของหนี้ที่ต้องเร่งชำระก่อนหลัง เช่น ถ้าเป็นหนี้นอกระบบเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็อาจจะต้องหาทางกู้ในระบบออกไปปลดหนี้นอกระบบก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้น้อยลง จากนั้นค่อยมาผ่อนชำระกับสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าทำให้เรามีเงินเหลือไปชำระหนี้ส่วนอื่นได้บ้าง และจะทำให้เรามีโอกาสหลุดจากหนี้สินได้เร็วขึ้น.

ความสามารถในการใช้หนี้

ความสามารถในการใช้หนี้ 

การกู้เงินมานั้นย่อมมีผลที่ตามมานั่นก็คือดอกเบี้ยจำนวนมหาศาลที่บางครั้งแทบจะมีค่าเท่าเงินต้นที่กู้มาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนทีจะตัดสินใจจะกู้เงินมา ควรคิดให้ดีก่อนว่าเงินกู้ทั้งหมดนี้เราจะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเท่าไร และรวมทั้งหมดแล้วต้องเสียเป็นจำนวนเท่าไรด้วย เพราะแต่ละธนาคารนั้นก็จะมีโปรแกรมสินเชื่อที่ต่างกันออกไป ทั้งแบบที่เสียดอกน้อยในช่วงต้น และเสียดอกเบี้ยแบบลอยตัวในช่วงหลังๆ หรือแบบที่เสีย ดอกในอัตราคงตัวตลอด ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องคิดให้ดีว่าเราต้องการผ่อนชำระหนี้ในระยะสั้นหรือระยะยาวเพื่อเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด ที่สำคัญจำนวนวงเงินที่เราขอกู้นั้นความจำเป็นต้องการจริงๆ เท่าไร เพราะการขอกู้มากเกินไปก็จะทำให้ธนาคารอนุมัติยากขึ้นและทำให้เราเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ถ้าขอกู้น้อยเกินไปอีกก็จะส่งผลกระทบต่อระบบเงินหมุนเวียนที่ตามมาในอนาคตจนอาจทำให้ผ่อนชำระคืนธนาคารไม่ทัน ส่วนการเลือกระยะเวลาชำระนั้นโดยส่วนมากจะขึ้นอยู่กับความพร้อมใจกันทั้งฝ่ายธนาคารและตัวเราเอง โดยทั่วไปแล้วระยะผ่อนชำระที่ธนาคารพอใจจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนเงินกู้ด้วยว่ามากน้อยเพียงใด แต่ถ้าเรามีเครดิตที่ดีกับธนาคารและไม่เคยผิดนัดชำระมาก่อนก็อาจจะได้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่านั้นก็ได้ เราต้องวางแผนการผ่อนชำระหนี้ว่าในแต่ละเดือนนั้นให้ดีะถ้าหากเราเกิดวางแผนผิดพลาดจนผิดนัดชำระสักเดือน ดอกเบี้ยก็จะเป็นต้องเบี้ยปรับค้างชำระทำให้มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

จุดประสงค์ในการกู้เงิน

การอนุมัติการกู้เงิน 

จุดประสงค์ในการกู้เงินหรือขอสินเชื่อจากธนาคารนั้น อันดับแรกเราต้องถามตัวเองเสียก่อนว่า จุดประสงค์ในการกู้นั้นเพื่ออะไร เพื่อใช้เป็นทุนในการดำเนินธุรกิจหรือนำไปชำระหนี้สินที่ดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงกว่าธนาคาร การที่จะนำเสนอวัตถุประสงค์เรื่องราว ให้ธนาคารฟังว่า เรามีแผนการดำเนินงานอย่างไรบ้างสามารถนำเสนอและสื่อให้เห็นว่าเราสามารถนำเงินที่กู้ที่ได้ไปนั้นสามารถนำไปต่อยอดและสร้างความก้าวหน้าเป็นอย่างไร และสามารถสร้างรายได้ มีเงินมาชำระต่อธนาคารได้ ดังนั้นสิ่งที่ชี้วัดของการกู้เงินว่าสามารถจะได้รับการอนุมัติจากธนาคารหรือไม่นั้นเราจะต้องเป็นนักเล่าเรื่องสร้างความหน้าเชื่อถือและโน้มน้าวผู้พิจารณาสินเชื่อให้เชื่อถือและคล้อยตามสิ่งที่เราพูดและนำเสนอ แม้ว่าในความเป็นจริงเราอาจจะทำไม่ได้อย่างที่เราเสนอและสามารถที่จะทำได้จริงๆหรือไม่ก็ตาม การเตรียมตัวและการวางแผนไว้ก่อนอย่างละเอียดจึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการดำเนินการขอสินเชื่อ เพราะเมื่อเราทำให้ธนาคารฟังเราอย่างสนอกสนใจได้ ก็เหมือนเรามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว การจะได้รับอนุมัติในการขอกู้เงินเป็นไปได้ค่อนข้างสูง และได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ในที่สุด

วิธีมีเงินสะสม

วิธีมีเงินเหลือเก็บ 

การหาเงิน ถ้าเรายังไม่มีแนวทางช่องทางบางทีมันก็ไม่ใช่ของหาได้ง่ายๆ ในเมื่อมันไม่ใช่ของง่าย เราลองมาเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิต อาจจะเพิ่มเหลือเป็นเงินออมและสะสมเป็นก้อนโตในอนาคตได้ลองเปลี่ยนมาทำตามแนะนำดูนะ
1.จากที่เคยขับรถไปทำงานทั้ง ห้าวัน เปลี่ยนมาจอดรถไว้ที่บ้านสักสองสามวัน ใช้บริการรถเมล์หรือรถไฟฟ้าไปทำงานแทน ก็จะทำให้ประหยัดเงินค่าน้ำมันรถที่แสนแพงและเก็บเงินส่วนต่างหยอดใส่ออมสินไว้ 
2.ทำอาหารไปรับประทานที่ที่ทำงานในมื้อกลางวัน ไม่ต้องออกไปทานข้างนอกทำให้ประหยัด จากปกติที่ที่เคยซื้อทานทุกวัน คำนวณดูอาทิตย์หนึ่ง จะประหยัดไปได้เท่าไหร่เก็บส่วนต่างใส่ออมสินเพิ่มไว้ ถ้าทำในสองข้อนี้ได้เมื่อครบหนึ่งเดือน เมื่อเปิดกระปุกออมสินแล้วนับดูแล้วท่านจะประหลาดใจมีเงินจำนวนนี้เชียวหรือ ถ้าทำติดต่อกันเป็นปี ก็จะมีเงินสะสมเป็นจำนวนมาก ลองทำดูนะ.

สร้างกำลังใจให้ตัวเอง

วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

ในยามที่เรามีปัญหาและรู้สึกเครียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเงินทองก็ไม่ค่อยจะมีจนบางครั้งรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ดี มันคือการบั่นทอนตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย เราต้องภูมิใจในสิ่งที่เรามีอยู่ อย่ามองเพียงว่าเราไม่มีเหมือนคนอื่นให้มองกลับมาว่า เรายังมีดีกว่าใครอีกหลายคน อย่าคิดว่าเราเหมือนยืนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เรายังมีคนรอบข้างที่ดีเรายังมีพ่อ-แม่ มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง อาจจะไม่มากเหมือนคนอื่น เพียงแค่มีเพื่อนที่จริงใจ มีครอบครัวที่เข้าใจ และต้องพยายามอดทนเพื่อที่จะก้าวผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้  เพียงลองมองย้อนไปถึงวันเวลาที่ผ่านมา ดูรูปครั้งที่เราเคยมีความสุข ดูรูปครั้งที่เราเคยก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ มาได้ เพื่อกระตุ้นให้เรามีกำลังใจและทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เมื่อเรามีอดีตที่สดใส เราจะต้องทำอนาคตให้สดใสให้ได้เช่นกัน จงทำจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน ด้วยการฝึกสมาธิและศึกษาธรรมะ ทำให้จิตใจเราสงบ จะทำให้เรามีสติไตร่ตรองศึกษาปัญหาและหาวิธีแก้ไข แล้วทุกอย่างก็จะผ่านลุล่วงไปด้วยดี ขอเพียงสร้างกำลังใจของตัวเองขึ้นมาให้ได้.

ความขยันทำให้รวย

อยากรวยต้องขยัน

ถ้าอยากเป็นเศรษฐีต้องมีความขยันให้เพิ่มขึ้น โดยเริ่มจากการที่คุณจะเป็นเศรษฐีและขี้เกียจตื่นเช้าไม่เป็นสมควรอย่างยิ่ง เพราะการตื่นเช้าจะทำให้สมองปลอดโปร่ง คิดทำการสิ่งใดก็จะราบรื่นปลอดโปร่ง การตื่นเช้ายังทำให้เรามีเวลาและโอกาสเพิ่มมากขึ้น และสามารถทำงานต่างๆได้หลายอย่างมากกว่าคนอื่นที่ยังนอนอุดอู้อยู่กับที่นอนอยู่ ความขยันในการทำงาน ที่ทำประจำอยู่ ต้องไปถึงที่ทำงานก่อนกว่าใครอื่นทุกๆวัน จะทำให้เป็นที่รักของเจ้านาย เมื่อวันหนึ่งเราลาออกเพื่อไปทำธุรกิจของตัวเอง เจ้านายจะรู้สึกเสียดายคุณเป็นอย่างมากไม่อยากให้ลาออกไปโดยอาจจะเสนอค่าตอบแทนที่สูงขึ้นให้คุณอยู่ทำงานต่อไปอีก แต่ถ้าเรามีจุดหมายแน่วแน่ว่าต้องการไปสร้างความฝันตามแนวทางทีเป็นของตัวเองเจ้านายก็ยังพร้อมต้อนรับในการกับเข้ามาทำงานใหม่ได้ทุกเมื่อ หรือพร้อมที่จะสนับสนุนธุรกิจของเราที่กำลังจะเริ่มต้นอาจจะเป็นคำแนะนำที่ดีและให้คำปรึกษาในยามมีปัญหา ทุกอย่างล้วนเกิดจากความขยันในการทำงานต่างๆตลอดที่ผ่านมาให้เขาเห็นและประจักษ์แก่สายตา..ความขยันจึงเป็นหนทางทางของการเป็นเศรษฐี คงไม่มีเศรษฐีคนไหนในโลกที่เป็นคนที่ขี้เกียจและร่ำรวยขึ้นมาได้..นอกจากได้รับมรดกตกทอดสืบกันมาเท่านั้น...